"ไม่ต้องมีเวทมนตร์ ไม่ต้องไปหาแม่มด แค่คุณทำสิ่งที่โลกระลึกถึงตลอดกาล แค่นั้นคุณก็เป็นอมตะแล้ว"
เจาะลึก Mobile App Store
23 Feb 2010 20:55   [6911 views]

ทุกวันนี้มี Mobile App Store ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้ขอเอารายงานจาก Distimo ที่นำ App Store เจ้าใหญ่ๆ 6 เจ้าอันได้แก่ Apple App Store, Android Market, Blackberry App World, Nokia Ovi Store, Palm webOS App Catalog และ Windows Marketplace มาชนกัน

เริ่มต้นด้วยสิ่งที่จะบ่งบอกความนิยมของ App Store แต่ละเจ้า ซึ่งก็คือจำนวน App นั่นเอง

ข้อมูลนี้อาจจะเก่าไปสักนิดนึง แต่เทรนด์ก็จะไม่ห่างจากนี้มากนักคือ iPhone นำโด่งเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย Android และ Ovi Store ตามลำดับ ซึ่งล่าสุด iPhone ทะลุถึง 200,000 Apps แล้ว ส่วน Android อยู่ประมาณ 30,000 Apps ด้าน Ovi Store ไม่มีข้อมูล แต่คงอยู่แถวๆ 6-7 พัน Apps


แต่ครูฟิสิกส์สอนไว้ว่า s = vt ดังนั้นจะดูแต่ตำแหน่งปัจจุบันก็ไม่ได้ ต้องดูการเติบโตด้วย ดังนี้

จะเห็นว่าการเติบโตของ Apple App Store ก็ยังนำโด่งยากจะตามทัน แต่ที่น่าสนใจคือแอนดรอยด์ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งข้อมูลล่าสุดทุกวันนี้มีแอพฯเพิ่มขึ้นเดือนละเกือบ 5 พันแอพฯแล้ว ส่วนที่รองลงมาคือ Ovi Store เดือนละ 700-800 แอพ สุดท้าย Blackberry อยู่ที่ 500-600 แอพ


อีกตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจและมีผลต่อ Developer และ User คือจำนวนแอพฟรีและจำนวนแอพจ่ายเงินใน Store

โนเกียซิวที่ 1 โปรแกรมจ่ายเงินเยอะที่สุดไป (น่าจะส่งผลจากความยากของการส่ง App เข้า Store นั่นเอง) ส่วนแอนดรอยด์ชนะเลิศด้านโปรแกรมฟรี (ซึ่งตลาดแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อ Developer เท่าไหร่นัก)


แล้วอะไรหละที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Store แต่ละเจ้า?

คนที่เคยเล่นไอโฟนคงจะหลับตาตอบได้ แน่นอน ใน Apple App Store มีเกมอยู่ถึง 58% ส่วนอีก 18% เป็นแอพด้าน Entertainment เรียกว่า iPhone เป็น Entertainment Device ดีๆเครื่องนึงนั่นเอง ทางด้าน Blackberry App World ก็มีถึง 29% ที่เป็นเกมส่วนอีก 18% เป็น Utilities ส่วนฟาก Ovi Store จะเป็นอีกแนวหนึ่งเพราะ 40% เป็นแอพด้าน Personalisation ส่วนอีก 15% เป็น Music (จะเห็นได้ว่าคนเล่นซิมเบี้ยนจะเครียดกว่าปกติ ฮ่าๆ)


ต่อมาก็เป็นค่าของแอพประเภทจ่ายเงินโดยเฉลี่ยบนแต่ละ App Store เป็นดังนี้

เจ้าที่แพงที่สุดยกให้ Blackberry ไปเล้ยยย เฉลี่ยอยู่ที่ $8.26 เชียว รองลงมาเป็น Windows Marketplace อยู่ที่ $6.99 ที่เหลือ Apple, Android และ Ovi Store จะไล่เลี่ยกันคือ $3.62, $3.27 และ $3.47 ตามลำดับ ส่วนที่ถูกที่สุดตกเป็นของ Palm ราคาเฉลี่ยเพียง $2.53 เท่านั้น (เพราะขายไม่ออกนั่นเอง)

ซึ่งผลของราคาที่แตกต่างนี้เกิดขึ้นแม้แต่ App ตัวเดียวกันแต่อยู่ในคนละ Platform เช่น Tetris ที่ใน Apple App Store ราคา $4.99 ในขณะที่ใน Windows Marketplace ราคาถึง $6.99

แต่ Tetris นี่ต่างกันแค่เบาะๆเพราะถ้ามาดูโปรแกรม IM+ บน Apple App Store และ Blackberry App World ก็จะพบว่าราคาต่างกันถึง...

แม่เจ้า ~ ~ ซึ่งตรงนี้จริงๆแล้วมีผลต่อ Developer เยอะทีเดียวในการเลือก Platform ที่จะทำ App ขาย


แต่เทรนด์ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันหลายต่อหลายแอพจะราคาตกลงมาอยู่แถวๆ $0.99 อย่างที่จะเห็นได้จากว่า Top Paid App จะราคาอยู่ที่ $0.99 แต่อย่างไรก็ตามแอพฯที่ได้รายได้รวมสูงสุดก็ขายอยู่ที่ $9.99 อยู่

โดยเฉลี่ยแล้วแอพฯที่มีรายได้รวมสูงสุดจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ $8.96 ในขณะที่แอพฯที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ $2.25 ตรงนี้วิเคราะห์ได้ว่าลูกค้าแฮปปี้ที่จะซื้อของถูก แต่ก็ยินดีที่จะซื้อของแพงที่มันดีพอ


จากข้อมูลทั้งหมดตอนนี้ก็บอกได้ว่า App Store ที่จะไปรอดแน่ๆแล้วก็มี Apple App Store และ Android Market ส่วน Store ที่กำลังอยู่ระหว่างลูกผีลูกคนคือ Nokia Ovi Store เพราะโนเกียเลือกจะให้ Publish โปรแกรมเข้าไปยากเอง แต่ที่มีแอพฯถึง 6-7 พันแอพฯก็ถือว่าเก่งแล้วด้วย Business Model แบบนี้ ส่วน BlackBerry App World เท่าที่รู้ก็เอาแอพฯขึ้นยากเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่จำนวนแอพฯน้อยเหลือเกิน ส่วน Palm .. คงไม่รอดแล้วหละทั้ง Store และ OS น่าเสียดายๆ (นอกจากจะมียักษ์ใหญ่มา Take Over ว่าแต่...จะเป็นใคร?)


แต่อย่างไรก็ตามจำนวนแอพฯหรือการไปรอดของ Store ไม่ได้บ่งบอกถึงความสำเร็จของ Developer แต่อย่างใด เช่น Apple App Store ตอนนี้กลายเป็นตลาดของบริษัทใหญ่ๆไปแล้ว Developer ทั่วไปน้อยเหลือเกินที่จะประสบความสำเร็จ ส่วน Android Market จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่ามีใครประสบความสำเร็จจากการขายแอพฯบน Market เลยแม้แต่รายเดียว ทางฟาก Ovi Store ข้อมูลล่าสุดที่ได้รับมาคือมีการโหลดทะลุล้านครั้งต่อวันแล้ว แต่ปริมาณการโหลดแอพแบบจ่ายเงินมีอยู่แค่ 1-2% เท่านั้น


คราวนี้ที่เหลือคือต้องรอดู App Store โลกที่มีแบรนด์ต่างๆมาทำร่วมกันว่าจะไปรอดและได้ดีแค่ไหน แต่กว่าจะถึงวันนั้นก็คงอีกนานนนนนน


ข้อมูลอ้างอิง:

บทความที่เกี่ยวข้อง

Apr 23, 2010, 16:41
24231 views
แอบลง Snow Leopard บน VMWare
Feb 3, 2010, 04:35
3842 views
Google Apps บอกลา IE6
0 Comment(s)
Loading