วันนี้ได้มีโอกาสต้อนรับลูกคนใหม่เข้าสู่ครอบครัว
ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้า Nokia 5800 XPressMusic ที่คนไทยหลายต่อหลายคนรอคอยอยู่นั่นเอง เผอิญว่ามีพี่ที่รู้จักไปฮ่องกงพอดีก็เลยฝากพี่เค้าหิ้วมาซะหน่อย เลยถือโอกาสมารีวิวกันให้ดูก่อนที่เครื่องจะมีขายจริงอย่างเป็นทางการในไทยในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า (ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์)
เริ่มเล่าจากตอนซื้อเลยละกันนะ พี่เค้าซื้อมาได้ในราคาเพียง 3000 HKD (ประมาณ 13,485 บาท) เท่านั้น แต่ทางร้านบอกว่าไม่มี SD Card ต้องซื้อแบบ 8 GB เพิ่มในราคา 250 HKD (1,124 บาท) ซึ่งพี่เค้าก็ตัดสินใจซื้อมาเพราะตอนแรกเราบอกราคาไปตั้ง 3800ก HKD สรุปรวมซื้อมาได้ในราคา 14,609 บาท ซึ่งถูกมาก!! ตอนแรกวางเงินไว้ตั้ง 16,000 แหนะ
แต่แน่นอน จะเห็นว่ามันมีพิรุธหลายอย่างเช่น ปกติกล่องมันต้องแถม SD Card มาด้วยสิ แล้วทำไมนี่ต้องซื้อแยก? ของถูกมันต้องมีอะไรซ่อนงำอยู่เสมอ ตรงนี้ก็ทำใจไว้แล้วก็เลยไม่เฮิร์ทมากกับสภาพกล่อง
เยินมาก... นี่ไม่มีเค้าของความเป็นของใหม่อยู่เลย ไม่เป็นไร กล่องก็แค่ของภายนอก จึงรีบเปิดกล่องคุ้ยๆๆๆๆ และเจอเจ้า 5800 นอนอยู่ในสภาพนี้...
เยินกว่ากล่องอีก -_- สรุปเครื่องที่ได้มาก็เป็นเครื่องโชว์นั่นเอง ตัวสติกเกอร์ปิดหน้าจอเห็นชัดมากว่าแกะไปนานชาติเศษแล้ว แล้วเพิ่งเอากลับมาติดใหม่ เราเลยรีบลอกออกไป ก็พบว่าสภาพเครื่องนี่เต็มไปด้วยรอยคราบความมัน น่าจะผ่านมาสักหกร้อยมือแล้วเห็นจะได้ เห็นดังนั้นจึงหันไปคว้าผ้า 3M ระดับเทพมาเช็ดๆๆๆๆ ถูๆๆๆๆ เช็ดๆๆๆๆ ปิ๊ง~~~~ ใหม่เอี่ยมแล้ว!!!
ในกล่องก็มี Wall Charge, ปลั๊กแปลง, สายคล้องพร้อมปิ๊กกีต้าร์, สาย TV-Out, สาย USB, ขาตั้ง, ซองใส่มือถือ, CD, หนังสือคู่มือ 4-5 เล่ม (ไม่มีจะมีอะไรเยอะแยะ), แบตเตอรี่ BL-5J อันเท่าควาย, ปากกาสำรอง, สายควบคุม Multimedia แลอิ่ม... เอิ่ม... บรรจงแล้วมันไม่ออกหงะ - - ต้องอาศัยความรุนแรง งัดจากท้ายขึ้นมาเลยแบบไม่ต้องกลัวหัก (เช็คแล้ว เขี้ยวมีอยู่ตรงหัวที่เดียว ดังนั้นไม่หักหรอก)
พอแกะฝาหลังออกก็คว้าแบตเตอรี่ใส่เข้าไปไปรังถ่าน กรึบ!! . . . ให้ดูภาพก่อน
ที่ให้ดูไม่มีอะไร ตั้งแต่ใช้มามือถือโนเกียมา นี่เป็นรุ่นแรกเลยมั้งที่ใส่แบตเตอรี่แบบคว่ำหน้า ประหลาดดีๆ
เสร็จก็ปิดฝาหลัง กรึบ กร๊อบ แกรบ และเปิดมันขึ้นมาทันทีด้วยการกดที่ปุ่มเปิดเครื่อง 1 วิ เครื่องก็ตอบสนองด้วยการสั่นเบาๆในมือ ครืดๆ
โอ๊ะ... โนเกียมาแล้ว โอ๊ะ... จับมือแล้ว!! โอ๊ะ... บู้ทเสร็จแล้ว!!! ตกใจมาก!!!! ใช้เวลา Boot เพียง 20 วินาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
บู้ทเสร็จก็ตั้งวันเวลาตาม Step เอิ่มๆๆๆ จีนมาเชียวนะ (ก็แน่แหละ เครื่องฮ่องกงนี่นา)
ตั้งเสร็จก็เข้าสู่หน้า Active Standby พร้อมใช้งานเป็นที่เรียบร้อย เย้!
แน่นอนครับ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ... หาวิธีเปลี่ยนภาษา - - ไอ่เราก็ไม่ใช่อาตี๋ จะเอาปัญญาที่ไหนไปอ่านภาษาจีนกันเล่า!! ซึ่งตรงนี้ก็ลำบากลำบนอยู่ใช่น้อย เพราะทุกอย่างเป็นภาษาจีน ต้องคลำเอาจากไอคอนนี่แหละ คลำไปเรื่อยๆจนเจอที่เปลี่ยนภาษาจนได้ รอดตาย!! เป็นภาษาอังกฤษแล้ว ^ ^
จากนั้นก็ไล่เทสต์ทีละอย่างเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ (ยังระแวงอยู่นิดๆ) เริ่มจาก WiFi ผลออกมาคือ Scan เจอเร็ว ต่อติดไวมาก และโหลดข้อมูลเร็วในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่เจอปัญหาอยู่อย่างคืออ่านภาษาไทยไม่ออกเลย ตรงไหนเป็นภาษาไทยจะกลายเป็นช่องว่างไปเสียหมด หนำซ้ำบางตัวจะกลายเป็นตัวอักษรจีนซะงั้น แต่ก็บ่นไม่ได้ นี่มันเครื่องฮ่องกง - - แล้วก็ทดสอบโน่นนี่อีก 2-3 อย่างเช่น ทดสอบโทรออก อื้มๆๆๆ ก็ชัดดีนี่นา แล้วก็ทดสอบโทรเข้า... โอ้แม่เจ้า โอ้แม่เจ้า จะดังไปไหน!!! ดังแบบดังมากถึงมากที่สุด เรียกว่าถ้าอยู่ในผับก็ยังได้ยินเสียงอ่ะ แล้วดังแบบไพเราะด้วยนะ ไม่มีอาการแตกให้เห็นแม้แต่น้อย สมเป็น XPressMusic จริงๆ ^ ^
พอทดสอบเบื้องต้นเสร็จแล้วก็พบว่าไม่มีอะไรตกหล่น สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง โย่ว เย้!! :D
สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือทำลายความหงุดหงิดส่วนบุคคลทิ้ง... อยากได้ภาษาไทย (-_--") วิธีทำสำหรับเครื่องซิมเบี้ยนก็คือต้อง Flash Firmware ภาษาไทยเข้า ซึ่งจริงๆก็มีความรู้อยู่บ้างแล้วจากการอัพ Firmware มือถือหลายๆรุ่นก่อนหน้านี้ วิธีก็คือใช้ NSS (Nemesis Service Suite) เปลี่ยน Product Code และอัพเดตใหม่ด้วย Nokia Software Updater เป็นอันจบ แต่... สำหรับ 5800 มันไม่ง่ายอย่างงั้นหนะเซะ เพราะ NSS มันไม่สามารถ Read หรือ Write Product Code เจ้า 5800 ได้เลย!! มันใหม่เกิน หะหะ แล้วทำยังไงดีล่ะๆๆๆๆๆๆ กูเกิ้ลช่วยลูกด้วย...
ค้นๆๆๆๆ หาในเว็บไทยกี่ทีก็เจอคำแนะนำเดียว "ไปมาบุญครองให้เค้าทำให้" ... ไม่ไปเฟ้ย!!! ไม่ยอมเสียเงินให้พ่อค้ามาบุญครองกับเรื่องพวกนี้หรอก
สุดท้ายก็ไปเจออีกวิธีในเว็บนอกซึ่งใช้โปรแกรม Phoenix 2008 Patched ร่วมกับ RM-356 APAC Firmware 10.0.010 ในการ Flash แบบดิบๆ ที่บอกว่าดิบคือถึงเครื่องจะเปิดไม่ติดก็ Flash ได้นะจ๊ะ ซึ่งโปรแกรม Phoenix นี้คุ้นๆว่าเคยไปนั่งใช้ที่โนเกียไทยแลนด์ ดังนั้นถ้าจำไม่ผิด Phoenix คือโปรแกรม Official ที่โนเกียใช้อัพ Firmware เลย ไม่รู้ไปหลุดมาจากไหน ส่วน RM-356 APAC Firmware นี่ก็คงหลุดจากคนโนเกียเหมือนกัน เป็นตัว Firmware 5800 ของทุกประเทศใน Asia Pacific ซึ่งแน่นอนว่ามีพี่ไทยด้วย จึงดำเนินการ Flash ไปตามขั้นตอน และสุดท้าย...
เย้!! มีภาษาไทยแล้ว ทั้งอ่านทั้งพิมพ์เลย ใช้เวลาทำไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น แต่ที่นานเนี่ยคือนั่งรอดาวน์โหลด Phoenix ก็ไปแล้ว 120 MB ส่วน Firmware ก็อีก 150 MB รอกันหลับเลยทีเดียว
ตรงนี้ก็ขอยืนยันนะครับว่าไม่ว่าจะซื้อจากที่ไหนของโลกมา คุณก็อัพเป็นภาษาไทยได้หมดวิธีนี้เป็นวิธีเดียวกับที่มาบุญครองใช้ ซึ่งบอกได้เลยว่าเราสามารถทำเองได้ง่ายๆเลย ไม่ต้องไปให้ร้านเค้าฟันหัวแบะหรอก ยังไงถ้าใครอยากจะทำเองเดี๋ยวผมเขียนวิธีให้ครับ อย่างที่บอก "มันง่ายมาก"
จบรีวิวภาคแกะกล่องแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะเขียนต่อด้วยรีวิวการใช้งานครับ รออ่านกันนะ ^ ^ (จริงๆเขียนแล้วแต่เนตมีปัญหา ทำหายหมดเลย ชิ เขียนใหม่ก็ได้)