"ใจเค้าซื้อกันด้วย 'ใจ'"
มาแล้วจ้า คอร์สสอน Android App Development อย่างเป็นทางการในนาม The Cheese Factory ~~~
11 Nov 2014 20:29   [21852 views]

และแล้วแพลน The Cheese Factory ที่วางไว้มาครึ่งปีก็ได้เริ่มอย่างเป็นรูปธรรมสักที

จริงๆตั้งใจจะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่มีเรื่องเร่งด่วนผ่านเข้ามาในชีวิต ก็เลยต้องเลื่อนมา 3 เดือนกว่าๆ ล่าสุดข่าวดีคือ ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไปเกือบ 100% กำลังจะพร้อมเปิดสอนคอร์สแรกแล้วจ้าาา =)

โดยวิชาแรกที่จะเปิดสอนก็คงเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดและมี Demand สูงปรี้ดอยู่ในขณะนี้อย่าง Android Application Development คอร์สอบรมจากนักพัฒนาแอพฯจาวาสู่นักพัฒนาแอนดรอยด์ ยาว 24 ชั่วโมง อัดแน่นเนื้อหาเข้มข้นเหนียวหนืด

ทำไมอยากเปิดคอร์สสอน? + เป้าหมาย

ปีที่ผ่านมามีคนติดต่อมาทางเนยเรื่อยๆ บ้างก็อยากให้เป็น Outsource รับงาน Android App บ้างก็อยากให้หาคนให้ รวมๆแล้วจนถึงตอนนี้ก็หลายร้อยอัตราละมั้ง

กอปรกับการที่ได้ไปงาน Startup มาเยอะ และพบปัญหาอย่างนึง "คนคิดเพียบเลย ... คนทำ ... อยู่ไหน ... ฟระ?"

ไปนั่งดูๆ โครงการสอนนักคิดมีเยอะมาก แต่โครงการสอนนักทำมีน้อยนิด สุดท้ายก็เลยไม่สมดุล ฟันเฟืองฝั่งคิดก็หมุนไปแบบล้อฟรี ไม่มีใครทำก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

มีคนมีไอเดียดีๆเยอะมากอ่ะ แต่หาคนทำไม่ได้ Developer ขาดแคลนอย่างหนัก ตอนแรกๆช่วยจับคนคิดกับคนทำมาชนกันได้อยู่นะ แต่หลังๆหาไม่ได้แล้ว หมดสต๊อคจริงๆ

เกิดเป็น Pain ในใจว่า ประเทศเราคนทำได้มันน้อยจังแฮะ

นั่งถามตัวเองว่าเราจะทำอะไรได้บ้างในทางที่ตัวเองถนัด งานด้านบริหารก็ไม่ได้เก่ง งานด้านอื่นๆก็ไม่ได้ชัดเจน โอเค จับงานด้าน Dev นี่แหละ แต่เปลี่ยนจาก Dev งานไปเป็น Dev คน แล้วก็นั่งคิดต่อ ถ้าเรารับ Outsource แล้วนั่งทำทีละแอพฯไปเรื่อยๆ เราก็ทำได้แค่ทีละแอพฯ แต่ถ้าเราสอนคนอื่น 100 คน ก็จะมีคนไปทำแอพฯได้พร้อมๆกัน 100 แอพฯ ... มันคงจะดีแฮะ #ตาเป็นประกาย

โดยส่วนตัวเป็นคนชอบสอนอยู่แล้ว ก็เลยเกิดเป็น Passion อย่างแรงกล้าจนเปิดเป็น The Cheese Factory เพื่อเป็น Tech Academy ขึ้นมานี้นี่เอง เปลี่ยนจากการปั้นงานมาเป็นการ "ปั้นคน" แทน โดยเป้าหมายคือ Accelerate นักพัฒนาให้มีสกิลใหม่และสามารถพัฒนาแอพฯที่มีคุณภาพได้ภายในเวลาอันสั้น

แรกๆจะเริ่มสอนจากแอนดรอยด์ก่อน ด้วยสาเหตุว่าไปสำรวจตลาดมาแล้วว่ามันเป็นงานที่มี Demand สูงและต้องการความช่วยเหลือสูงมาก แต่หลังจากสอนไปสักพักก็คงมีสเกลขึ้น เพิ่มผู้อบรมและมีไปสอนอย่างอื่นด้วยตาม Demand ของตลาดครับ

และเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ก็ไม่ใช่แค่เปิดคอร์สสอนวิชาชีพสร้างคนขึ้นมา แต่เป็นการ Feed คนเข้าสู่ Industry เพื่อหมุนฟันเฟืองไปพร้อมๆกัน ด้วยการ Connect นักพัฒนาเข้ากับกลุ่ม Business ที่มีความต้องการนักพัฒนาเข้าร่วมทีม หรือนักพัฒนาเองอยากจะได้คนฝั่ง Business เข้าร่วมทีม ก็จะ Connect ให้เช่นกัน =)

ตั้งเป้าไว้ว่าใน 12 เดือนที่จะลุยสอนอย่างเต็มที่นี้ อยากจะ Feed คนเข้าสู่ตลาดให้ได้ 1,000 คนครับ

เป็น Mission Objective ที่ถือว่าท้าทายเลยหละ แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนได้จริงๆ ก็คงตายตาหลับหละ ...

รูปแบบของคอร์ส + Course Outline

เนื่องจากทำอะไรแบบ Lean มาก ดังนั้นหลายๆอย่างจะยังเป็นการทดสอบอยู่ แต่คร่าวๆวางไว้ตามนี้ครับ

จำนวนที่นั่งต่อคลาส: 6-10 ที่นั่ง (อาจจะปรับจำนวนที่นั่งเพิ่มหลังทุกอย่างลงตัวแล้ว)

ค่าใช้จ่ายต่อคน: 12,000 บาท (ราคาช่วง Early Bird จะมีปรับขึ้นหลังจากทุกอย่างลงตัวแล้ว)

จำนวนชั่วโมง: 24-25 ชั่วโมง มีทั้งแบบ วันละ 5 ชั่วโมง 5 วัน และ วันละ 8 ชั่วโมง 3 วัน ครับ (อยู่ในช่วงปรับจำนวนชั่วโมงให้ลงตัวอยู่เช่นกัน) ช่วงแรกคงสอนวันธรรมดาเป็นหลักก่อน ส่วนวันเสาร์อาทิตย์จะแว้บไปปรับหลักสูตรสักหน่อย พอเดือนถัดๆไปน่าจะสอนได้ 7 วันเลย (แล้วขอพักสัปดาห์นึงต่อเดือน ไม่งั้นคงตายคาห้อง)

คอมพิวเตอร์ที่ใช้: ต้องนำมาเอง จะเป็น Windows, Mac OS X หรือ Linux ก็ได้ สบ้ายยย

มือถือทดสอบ: เราจะทดสอบบนมือถือจริงตลอดคลาส หากมีมือถือของตัวเอง ใช้ของตัวเองทดสอบก็จะดีกว่า แต่ถ้าไม่มี เรามีจัดให้ครับ

บรรยากาศ: ชิว มีขนมกิน คนสอนติงต๊อง ปัญญาอ่อน หยาบคาย เป็นกันเอง

ภาษาที่สอน: ฝรั่งเศส .... บ้า ไทยสิ

Course Outline (ยังไม่ Final): ใช้เวลาร่าง Outline 1 อาทิตย์เท่านั้นเอง ... คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ ไม่เยอะมาก (T_T) Course Outline (rev 1)

บะบะ บอกแล้วว่าไม่เยอะ ใช่ม้า ... ใช่มะ ... ใช่มะมะมะมะ (สังเกตว่าเราจะไม่สอนเรื่อง Basic Java เลย ดังนั้น ต้องรู้มาก่อนแล้วนะนะนะนะ)

แนวทางการสอน

มี Manifestos การสอนของตัวเองอยู่นะ คัดมาจำนวนหนึ่งที่น่าจะทำให้เห็นภาพการสอนมากขึ้นละกันนะครับ


1) Experience is the best teacher

เราเชื่อว่าประสบการณ์และการลงมือทำคือ Key หลักของงานด้าน Tech นั่งอ่านตำราไปหมด 200 เล่มแต่ไม่ลงมือทำ ก็ไม่สามารถทำให้คุณเป็น Developer ที่ดีได้

ดังนั้นตลอดการสอน 70-80% จะเป็นการลงโค้ดจริงให้เห็นจริง สอนจบก็จะได้แอพฯที่ใช้งานได้จริงไปเลยตัวนึง และจะกระตุ้นให้ทำต่อหลังจากเรียนจบแล้วด้วย เฮ่ๆ


2) Expertise can't be copied and pasted

การที่คนจะถึงจุดที่เป็น Deep Learning ได้ (เหมือนที่คนไทยสามารถพูดภาษาไทยได้แบบไฟแล่บไม่ต้องคิด) จำเป็นต้องผ่าน 3 ขั้นตอนคือ 1) รู้จัก 2) เข้าใจ 3) จดจำ

และให้ตายยังไง ก็ไม่มีทางจะก็อปปี้ไอ่สิ่งที่เป็น Deep Learning จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้

แนวทางการสอนของเราจึงเป็นการบ่มสิ่งที่เราเรียนรู้มา ออกมาเป็นเมล็ด ช่วยทำให้รู้จักและเข้าใจ แต่ที่เหลือคือคนรับต้องเอาไปปลูกต่อเอง เพื่อให้มีความ Expertise นั่นคือประเด็นสำคัญครับ สิ่งที่เนยจะสอนเป็นการจูงมือออกจากเขาวงกต ไม่ต้องหลงทางอีกต่อไป แต่หลังจากนั้นต้องวิ่งไปสู่เส้นชัยด้วยตัวเอง เรียนเสร็จแล้วต้องไปฝึกฝนต่อน้อ


3) Short but strong

เราไม่ศรัทธาการสอนยาวๆแต่เปล่าประโยชน์แฮะ แต่เราศรัทธาในเรื่อง การสอนสั้นๆแต่ตรงประเด็น เพราะงานพวกนี้ Requirement มันมีเป็นล้านแบบแตกต่างกันไป เราไม่สามารถสอนทำทุกแอพฯได้จริงๆ แต่สามารถสอนแนวทางหลักการและวิธีการให้ตรงจุด เพื่อให้คนจบไปสามารถ "ทำอะไรก็ได้จากนี้" แล้ว เพราะเป้าหมายการสอนคือการทำให้คนเรียนเก่งขึ้นมานั่นเอง ไม่ใช่การแสดงพลังว่าคนสอนนั้นเก่งแค่ไหน


4) Storytelling

เนื่องจากทุกสิ่งที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ มีเรื่องราวความเป็นมาหมดทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่การเขียนโปรแกรม อย่างเช่นบนแอนดรอยด์ ทำไมถึงต้องมี dp ทำไมถึงต้องมี Fragment ทำไมบางอย่างถึงต้อง Deprecate ทุกอย่างล้วนมีเรื่องราวและเหตุผล การเรียนการสอนของเนยจะเป็นการเล่าเรื่องให้ฟัง

ซึ่งส่วนตัวแล้ว ต้องบอกว่า Android Programming Course ครั้งนี้เป็น Storytelling ที่ยาวที่สุดตั้งแต่เคยทำมาเลย ToT


5) Lean

และการเล่าเรื่องของเราก็จะเป็นแบบ Lean จะเริ่มต้นจากส่วนเล็กๆ แล้วค่อยๆขยาย ประกอบร่างมันขึ้นมา ปลายทางคือรถสปอร์ตหรู แต่จะเริ่มสอนจาก Skateboard ครับป๋มม

คอร์สนี้เหมาะกับใคร?

ถ้าเอาแบบสั้นๆก็คงเหมาะกับนักพัฒนาจาวาที่อยากทำแอพฯแอนดรอยด์เป็นแบบจริงจังนะ ที่ไม่เหมาะอย่างยิ่งเลยคือคนที่เขียนโปรแกรมไม่เป็นหรือยังเพิ่งเริ่มเขียนใหม่ๆ เพราะเนื้อหาประกอบด้วยแนวคิดการออกแบบแอพฯ 20% และอีก 80% เป็นเรื่องเทคนิคล้วนๆเลย ด้วย 24 ชั่วโมงที่มีถือว่าน้อยมากเทียบกับเนื้อหาที่จะสอน ดังนั้นทุกอย่างจะไปเร็วมาก ต้องมีประสบการณ์การเขียนโปรแกรมอย่างอื่นมาแล้วถึงจะเข้าใจได้เร็วครับ

Prerequisite

ความรู้พื้นฐานที่ต้องมีของคนที่จะมาเรียนมีอยู่ดังต่อไปนี้ครับ

พวก Basic Java เนี่ย เราจะไม่สอนเลย จะอนุมานว่าทุกคนรู้หมดอยู่แล้ว (ยกเว้นบางเรื่องที่อาจจะพูดเพิ่มหน่อยเช่น Generic) ส่วนแง่การใช้งาน ก็ต้องใช้ Android ให้เป็น ไม่งั้นการเขียนโปรแกรมก็จะงงได้เพราะไม่รู้ว่ามันทำงานยังไงนั่นเอง สุดท้ายต้องมีหัวของการเขียนโปรแกรมอยู่ มันเป็นเรื่องที่เหมือนจับต้องไม่ได้ แต่คนที่เขียนโปรแกรมจะเข้าใจ ใช่มะ =D

 

การเตรียมตัว

การเรียนจะต้องใช้คอมพ์ของตัวเองกัน ดังนั้นให้ลงเครื่องมือพวกนี้มาให้พร้อมครับ บางอย่างมันต้องโหลดกันเป็นวันกว่าจะเสร็จแหนะ

ตอนแรกว่าจะเขียนวิธีลงโดยละเอียด แต่คิดไปคิดมา ไม่ดีกว่า ... เพราะถือเป็นบทเรียนแรกครับ เราเชื่อว่าการลองติดตั้งของพวกนี้ด้วยตัวเอง เป็นการเตรียมความรู้เพื่อเข้าสู่บทเรียนได้เร็วขึ้นมากๆ สกิลของการ "ค้นคว้าด้วยตัวเอง" นั่นเอง


ลง Android Studio + Android SDK ให้เรียบร้อย

Android Studio จะเป็น IDE ที่เราใช้สอนกันในคลาสนี้

ส่วน Android SDK ก็ติดตั้งทุกอย่างที่จำเป็นมาเลยเน้อ SDK Tools, Platform-tools, Build-tools (ตัวล่าสุดตัวเดียวก็พอ) และ Android 5.0 + Android 4.0 + Android 4.2.2 + Android 4.4.2 (SDK Platform + Google APIs + ARM EABI v7a System Image + Documentation for Android SDK) ส่วนพวก Extras อะไรติดตั้งได้ ติดตั้งมาให้หมดเลยจ้า

วิธีการติดตั้ง Android Studio และ Android SDK ครับ --> https://developer.android.com/sdk/installing/index.html?pkg=studio


ติดตั้ง Genymotion

จริงอยู่ที่ Android SDK จะมี Emulator ติดมาด้วย แต่มันช้ามากระดับใช้งานจริงแทบไม่ได้

Genymotion เป็นพระเอกของงานครับ มันคือ Android Emulator ที่เร็วที่สุดในโลกหล้า ณ ตอนนี้ เร็วแบบไม่น่าเชื่อว่ามันจะเร็วได้ขนาดนี้ ดังนั้น ... โหลดมาลงได้เลย (มันจะติดตั้ง VirtualBox ให้ด้วย หรือถ้ามี VirtualBox อยู่แล้ว ก็โหลดตัวที่ไม่มี VirtualBox มาด้วย)

หน้า Download และติดตั้งครับ --> https://cloud.genymotion.com/page/launchpad/download/


สมัคร Google Play Developer ราคา $25 ไว้ (Optional)

อันนี้จะสมัครหรือไม่ก็ได้นะครับ เป็นตั๋วเพื่อให้เราสามารถ Publish แอพฯบน Play Store ได้นั่นเอง ราคา $25 ตลอดชีพ ไม่มีค่ารายปี

เว็บสำหรับสมัคร --> https://play.google.com/apps/publish/


สมัคร Crashlytics (Optional)

Crashlytics เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการ Crash Tracking แต่การสมัครต้องใช้เวลาราวๆ 1 อาทิตย์แหนะ ดังนั้นไปสมัครไว้ก่อนเลยครับที่ http://fabric.io/ ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ


แต่ไม่ต้องห่วง ถึงจะให้ลงเองจากบ้าน แต่ตอนสอนก็จะมีสอนโดยละเอียดด้วยว่าแต่ละอย่างทำงานยังไง ถ้าหน้างานติดตั้งอะไรผิดพลาด เดี๋ยวเรามีวิธีแก้ให้ใน 5 นาที แต่ถ้าจะให้ดี อย่าให้พลาดจะเจ๋งมาก

สถานที่สอน

ช่วงแรกๆเราจะสอนที่ Hubba Coworkingspace เอกมัยซ.4 ครับ (และอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามวโรกาส เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศฮับ)

น่าเสียดายที่ชีวิตผิดแผน ไม่งั้นคงได้ไปสอนที่ PAH นั่งกินบรรยากาศชิวๆละ แต่ที่ Hubba ก็ชิวเหมือนกัน ได้อยู่ววว

สำรองที่นั่ง

เดือนธันวาคมนี้ มีเปิด Public อยู่ 2 คลาสด้วยกัน เรียนวันละ 4 ชั่วโมง ทั้งหมด 6 วัน โดยราคาลดจาก 12,000 บาท เหลือ 9,500 บาท เป็นโปรโมชั่นส่งท้ายปีเก่าครับ

โดยครั้งนี้จะมีวันเสาร์มาด้วย เพื่อให้แต่ละวันไม่หนักจนเกินไปและสามารถกลับบ้านไปทบทวนบทเรียนได้ครับ ... ไม่ต้องกังวลเรื่องวันเสาร์กันน้า ก็แค่เสาร์เดียว ความรู้และความสำเร็จมันไม่มีวันหยุดราชการ =)

ถ้าจะชำระด้วยการโอนเงิน สามารถกดที่ Pay Offline ของ Eventbrite ได้เลยเช่นกัน มีรายละเอียดพวกเลขที่บัญชีพร้อมครับ =)

ส่วนคอร์สที่ไม่ใช่ Pilot จะเริ่มเดือนธันวาคมต่อทันทีครับผม ^_^ (แต่เป็นราคาเต็มละน้า) รายละเอียดจะตามมาหลังจากผ่านคอร์ส Pilot ไปครับ เย้ เย้

ส่วนคำถามที่ว่าถ้ามีให้สอนต่างจังหวัดจะไปมั้ย? ตอบว่าถ้ารวมตัวคนกันได้ครบจำนวนก็ยินดีอย่างยิ่งครับ ประเทศเพื่อนบ้านก็ไปนะ ไปหมด ค่าเดินทางเพิ่มเติมขอดูเป็นกรณีๆไปครับ แต่ถ้าจำนวนคนมีพอก็คงไม่มีปัญหา สบายๆ ชิวๆ ^_^ ยกเว้นจังหวัดที่มีความเสี่ยง ขอโทษล่วงหน้าไว้ว่าอาจจะไปไม่ได้จริงๆครับ _/|\_


ยังไงติดตามกันได้ครับ =D

บทความที่เกี่ยวข้อง

Oct 26, 2014, 20:05
17871 views
กว่าจะมาเป็นแอพฯมือถือดีๆสักตัว ทีมต้องประกอบด้วยคนที่มีสกิลดังต่อไปนี้ ...
Oct 27, 2014, 13:52
12102 views
ทำความรู้จัก Fabric เครื่องมือข้าวต้มมัดทรงพลังจาก Twitter ที่ควรมีติดไว้ในทุกแอพฯที่เขียน
0 Comment(s)
Loading